BEAST SHORT FICTION BY SAKURAGIMJI
[SF] That word is 'LOVE'
Doojun x Junhyung
“ไม่เอาน่าดูจุน ผมต้องไปทำงานนะ”ร่างโปร่งเบี่ยงตัวหลบอ้อมกอดของคนรักเดินไปยังหน้ากระจก ตรวจสอบความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกายผ่านบนกระจกเงา ด้านหลังคือเตียงกว้างที่ผู้ชายสองคนสามารถนอนได้อย่างไม่ต้องเบียดกัน
“จุนฮยองอ่า คิดถึงนี่”คนตัวโตออดอ้อนทำท่าจะโอบกอดจากด้านหลังอีกครั้ง จุนฮยองเลยหันไปดันอกเอาไว้แล้วส่งสายตาดุๆปรามไป
“ผมมีนัดกับคนไข้ คงตามใจคุณไม่ได้ โตแล้วนะดูจุน อย่างอแงเป็นเด็กๆ"
“โอเคๆ ก็ได้ งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมขับรถไปเองคุณเพิ่งกลับมานอนพักเถอะ”
“เย็นนี้ไปทานข้าวด้วยกันนะ”
“ผมกลับมาแล้วค่อยว่ากันนะ”จุนฮยองเอ่ยพร้อมกับหยิบหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายก่อนจะเดินออกจากห้องไป
เขารู้ว่าดูจุนอยากมีเวลาอยู่ด้วยกันมากกว่านี้ แต่เราทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างมีงานและหน้าที่ต้องรับผิดชอบ เขาเป็นกุมารแพทย์ที่ใครก็มองว่าดูไม่เข้ากับหน้าตาสักนิด
ส่วนดูจุนก็เป็นผู้กำกับที่ตอนนี้กำลังรุ่ง ต้องออกต่างจังหวัดไปถ่ายละครบ่อยๆจนแทบไม่ได้เจอกันเท่าไหร่ สองคนที่ความชอบไม่เหมือนกัน ไลฟ์สไตล์ก็ต่างกันมาก เขาเป็นคนที่ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ทำอะไรก็มักต้องคิดไตรตรองก่อน ขณะที่ดูจุนใช้อารมณ์ใส่ไปกับทุกเรื่อง เป็นคนโรแมนติกใส่ใจกับอะไรเล็กๆน้อยๆที่เขาเห็นว่าไม่จำเป็นเลย แต่ถึงอย่างนั้นเราก็คบกันได้มาเกือบปีแล้ว
เราสองคนเจอกันที่งานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนคนหนึ่ง รู้จักกันผ่านเพื่อนของเพื่อนจนเริ่มนับสายกันไม่ถูกเพราะสุดท้ายแล้วทุกคนก็กลายเป็
นเพื่อนกันไปหมด ตอนที่ดูจุนขอคบเขาตอบตกลงไปอย่างง่ายดายเพราะตอนนั้นไม่มีใครแล้วเขาก็เป็นคนที่ไม่
มีเวลาไปจีบใครเนื่องจากหน้าที่การงาน เลยคิดว่าถ้ามีคนมาขอคบแล้วคนๆนั้นไม่เลวร้ายอะไรนักก็อยากจะลองคบดูด้วย คนๆนั้นก็คือดูจุน
จุนฮยองโบกมือลาหนูน้อยในอ้อมกอดคุณแม่แล้วกลับเข้าห้องด้วยรอยยิ้ม เสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าก็ดังขึ้นพอดีราวกับรู้เวลา
ผมรออยู่หน้าโรงพยาบาลนะ
ผู้กำกับยุน
รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งกว้างขึ้น คุณหมอหนุ่มเดินเข้าไปด้านในของห้องตรวจเพื่อล้างมือ ถอดเสื้อกราวด์แขวนไว้ในตู้ คว้ากระเป๋าขึ้นสะพายก่อนจะเดินไปยังลานจอดรถ
จุนฮยองแกล้งตีหน้านิ่ง เมื่อดูจุนก้าวเข้ามานั่งในรถ กลิ่นหอมสดชื่นจากน้ำหอมที่ดูจุนชอบใช้ประจำกรุ่นกระจายอยู่ในรถ...เขาชอบ
“ทำไมต้องมารอด้วย แล้วมายั่งไงเนี่ย”
“มาแท็กซี่ ก็อยากเจอไวๆเลยมาหา โกรธเหรอ?”จุนฮยองเหลือบมองคนนั่งข้างๆเล็กน้อย แล้วก็ตั้งใจขับรถต่อ
“เปล่า รอให้กลับไปที่ห้องก่อนก็ได้"
“เสียเวลาขับรถไปมา เราไปหาอะไรกินกันเถอะ ผมจองร้านไว้แล้ว”น้ำเสียงทุ้มฟังดูกระตือรือร้นมาก
“ได้นอนมั่งหรือเปล่า ไม่เหนื่อยรึไง”เพียงแค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าดูจุนคงยังไม่ได้พักแน่ๆ
“นอนไปนิดหน่อย แค่เห็นหน้าคุณผมก็ดีขึ้นแล้ว”เขาไม่เห็นว่าดูจุนทำหน้าแบบไหนแต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วมันดูกรุ้มกริ่มพิกลเลยไ
ด้แต่พยักหน้าเออออไปไม่สาวความต่อ
x
x
x
x
จุนฮยองเดินงัวเงียออกมาจากห้องนอนตอนตีสองเพื่อหาน้ำดื่ม แต่แสงไฟในห้องทำงานของดูจุนยังคงเปิดสว่างอยู่ ขาทั้งคู่จึงเปลี่ยนจุดหมายไปยังห้องนั้นแทน
เสียงเพลงจากสเตอริโอดังคลอเบาๆ แต่คนในห้องหลับฟุบคากองกระดาษมากมายที่วางสุมกันไว้บนโต๊ะ จำได้ว่าเขาจัดห้องนี้ให้เป็นระเบียบเข้าที่เข้าทางแล้ว แต่สภาพตอนนี้แทบจะจำเค้าเดิมไม่ได้ หนังสือหลายเล่มถูกรื้อค้นออกมา วางระเกะระกะเต็มห้องไปหมด อุปกรณ์ประกอบฉากบางอย่างก็วางขวางทางเดิน ขณะที่สตอรี่บอร์ดก็วางทับๆกันบนโซฟา
คุณหมอหนุ่มส่ายหน้ากับความไม่เป็นระเบียบของผู้กำกับงานชุก เก็บปึกกระดาษที่คาดว่าคงเป็นบทละครที่ถูกไฮไลท์ด้วยสีต่างๆวางซ้อนกันไว้ตรงมุมหนึ่
งของโต๊ะ
“ดูจุน...ลุกไปนอนได้แล้ว”
“อื้อ....”ร่างที่ฟุบอยู่เงยหน้าขึ้นมอง
“ไปนอน”
“งานยังไม่เสร็จเลย”พูดเสร็จก็หาวขึ้นมาสองสามครั้งติดกัน
“ก็เห็นอยู่ว่าทำต่อไม่ไหวแล้ว ไปนอนก่อนพรุ่งนี้ค่อยตื่นมาทำ”จุนฮยองดึงแขนให้อีกคนลุกขึ้น สายตาดุๆที่จ้องมองมาทำให้คนตัวสูงตัดสินใจลุกขึ้นเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างไม่มีข้อโต้
แย้ง
ดูจุนเบียดตัวลงข้างๆร่างโปร่งจนไร้ช่องว่าง ปลายจมูกกดลงตรงซอกคอเพื่อสูดกลิ่นหอมที่ตัวเองชอบ ขณะที่มือลูบไล้ท่อนแขนที่อยู่นอกผ้าห่ม
“ดูจุน...ไม่ทำนะ นอนเถอะ”จุนฮยองจับมือที่กำลังซุกซนเอาไว้แล้วบอกเสียงเข้ม
“คิดถึงนี่นา”
“แต่ผมอยากนอน”เขาเหนื่อยแล้วดูจุนเองก็เหนื่อยจนหลับพับคากองงานขนาดนั้น ควรจะพักผ่อนมากกว่าจะมาทำอะไรตามใจแบบนี้
“ก็ได้ครับ”ท่อนแขนแกร่งที่โอบกอดเขาไว้คลายออก ร่างสูงขยับตัวออกห่างอีกฝ่ายจนรับรู้ได้ถึงช่องว่างระหว่างกันและกัน แต่จุนฮยองก็ไม่คิดจะหันหลังกลับไปมอง
ดูจุนพลิกตัวไปอีกทางก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบา ต่อให้ง่วงแค่ไหนเขาก็คงนอนไม่หลับ ในอกมันรู้สึกเจ็บชาอย่างบอกไม่ถูก เขารู้ดีว่าคนรักตัวเองเป็นคนแบบไหน แต่ถึงแม้จะรู้แต่ท่าทางเย็นชาไม่แคร์กันแบบนี้เขาก็ไม่เคยชินสักที เกือบปีที่คบกันเขามีความสุขมาก แต่ก็เป็นความสุขที่อยู่บนความไม่ชัดเจนเพราะไม่รู้ว่าจุนฮยองรักเขาบ้างหรือเปล่า
จุนฮยองไม่ใช่รักแรกพบ แต่ก็ยอมรับว่าสะดุดตาเขาในครั้งแรกที่เจอกัน ยิ่งพอได้รู้จักเขาก็รู้สึกว่าเราน่าจะไปด้วยกันได้ แม้จะมีความต่างกันในหลายๆเรื่องก็ตาม ในวันที่เขาขอคบนั้นเขามั่นใจแล้วว่ารักคนๆนี้ และก็ดีใจมากที่จุนฮยองไม่ปฏิเสธกัน แต่เขาก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักเลยสักครั้ง แม้จะเป็นตอนที่เราได้ใกล้ชิดกันมากที่สุดก็ตาม จุนฮยองเป็นคนเก็บอารมณ์เก่ง มีไม่กี่ครั้งที่จะหลุดคำพูดออกมาบ้างว่าไม่พอใจอะไร แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะปรับตัวเข้าหากันได้เสมอ
แต่...การที่อยู่กับความรู้สึกที่คลุมเครือแบบนี้เขาไม่ชอบเลย นับวันก็ยิ่งทำให้เขาคิดมาก เหมือนตัวเองทุ่มเทความรักให้อยู่ฝ่ายเดียวอีกฝ่ายก็แค่รับมันไปโดยไม่ปริปากอะไรเลย ครั้งหนึ่งเขาไปทำงานต่างจังหวัดเกือบสามอาทิตย์ แรกๆเขาก็โทรหาจุนฮยองทุกวัน แต่หลังจากนั้นเขาแกล้งเงียบหายไปหวังว่าอีกฝ่ายจะโทรกลับมาบ้างแต่ก็ไร้วี่แวว สุดท้ายเขาจึงโทรหาด้วยความคิดถึงแต่จุนฮยองกลับไม่รู้สึกยินดียินร้ายอะไรเลย พูดคุยตามปกติ คำว่าคิดถึงสักคำยังไม่มี...เขาน้อยใจ
เหมือนกับตอนนี้..น้อยใจจนนึกโมโหตัวเองว่าทำไมไม่พูดกับตรงๆอีกฝ่ายไป แต่เขาก็รู้คำตอบดีเขากลัวจุนฮยองรำคาญและอาจจะเป็นเหตุที่ทำให้ต้องเลิกรากันไป
ดูจุนค่อยๆลุกขึ้นเพราะไม่อยากให้คนที่นอนหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ในเมื่อนอนไม่หลับเขาก็ขอทำงานดีกว่าปล่อยตัวเองให้คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย
คนที่คิดว่าหลับไปแล้วลืมตาขึ้นในความมืด จุนฮยองพลิกตัวมองประตูห้องที่ปิดลงแล้วถอนใจออกมา คืนนี้คงไมได้มีแต่ดูจุนที่นอนไม่หลับ เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร แต่ไม่ชอบที่ดูจุนเป็นแบบนี้เลย
บางครั้งการแค่กระทำก็ไม่เพียงพออย่างนั้นใช่มั้ย...
x
x
x
x
“ได้นอนบ้างหรือยัง?”จุนฮยองเอ่ยถามคนที่เดินออกมาจากห้องทำงาน ขณะที่ตัวเองแต่งตัวเตรียมจะไปทำงาน
“ยังเลย”ดูจุนไม่ยอมสบตาด้วย
“ทำไมต้องอดหลับอดนอนทำงานแบบนี้ ออกต่างจังหวัดตั้งหลายวันกินนอนก็ไม่สบาย แทนที่กลับมาจะพักผ่อนบ้าง ไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง”
“ถ้าไม่สบายแล้วคุณจะไม่ดูแลผมเหรอ”จุนฮยองตวัดตามองอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ดูจุนต้องรีบยิ้มกลบเกลื่อน
“ผมล้อเล่น งานเสร็จแล้วเดี๋ยวจะไปนอนแล้ว คุณไปทำงานเถอะ”ดูจุนยิ้มเอาใจ อยากจะเข้าไปกอดอีกคนให้ชื่นใจแต่ก็ต้องห้ามตัวเองเอาไว้
“ไม่ต้องไปรอตอนออกเวรนะ เดี๋ยวผมซื้อของกินเข้ามาให้”ดูจุนพยักหน้ารับคำพร้อมกับรอยยิ้มจืดเจื่อน
จุนฮยองเดินออกไปแล้วเหลือเพียงกลิ่นหอมอ่อนๆในอาการที่เขาใช้หายใจ...ได้เพียงเท่าน
ี้
ดูจุนทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหมดแร ยกมือลูบหน้าตัวเองแล้วเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความชื้นที่ฝ่ามือตัวเอง มันอาจจะถึงคราวที่ต้องตัดสินใจสักที เขาไม่รู้ว่าตัวเองทำให้จุนฮยองมีความสุขบ้างหรือเปล่า ที่อยู่ด้วยกันทุกวันนี้เพราะอะไรกันแน่ เพราไม่มีใครหรือเพราไม่รู้จะเริ่มต้นพูดกับเขายังไงกันแน่ แต่ถ้าฝืนทนต่อไปความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้กันมันอาจจะหายไป
ถ้าเป็นเช่นนั้น...จบกันตอนนี้ยังดีเสียกว่า
“กระเป๋าอะไรดูจุน จะไปถ่ายละครอีกแล้วเหรอ?”คุณหมอหนุ่มเอ่ยถามด้วยความแปลกใจเมื่อเปิดห้องมาพบกระเป๋าเดินทางขนาดย่อมวาง
ไว้ข้างตู้ใส่รองเท้า
“ไปเที่ยวกันเถอะจุนฮยอง”
“เอ๊ะ? เที่ยว?”
“อืม ไปค้างกันสักคืนสองคืนแล้วค่อยกลับมานะ”
“แต่ผมต้องทำงานนะ”
“ลาได้มั้ย?”
“จะทำแบบนั้นได้ยังไงครับ”
“ลาไม่ได้เลยเหรอ...แค่วันเดียวก็ได้ ผมขอแค่วันเดียวก็ได้นะ”ดูจุนนึกชมตัวเองอยู่ในใจที่ยังคงน้ำเสียงและใบหน้าของตัวเองให้เป็นปกติ ยังกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ ไม่เสียแรงที่เป็นถึงผู้กำกับ
“เอาไว้วันหลังได้มั้ย ให้ผมเคลียร์งานก่อนแล้วเราค่อยไปหลายๆวัน”
แต่เหมือนด้ายเส้นบางได้ขาดสะบั้นลง เขาไม่พร้อมจะฟังเหตุผลร้อยแปดของจุนฮยองอีกแล้ว
“ถ้าไม่ไปวันนี้ ก็คงไม่มีวันหลังแล้วล่ะจุนฮยอง”เจ้าของชื่อชะงักไป สบตาสีเข้มของร่างสูงแล้วถอนใจออกมา
“ก็ได้ตามใจคุณ ผมเก็บเสื้อผ้าก่อนก็แล้วกัน”ดูจุนรู้ว่าจุนฮยองไม่พอใจที่เขาเอาแต่ใจแบบนี้ แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆก็ในเมื่อเขาเป็นคนที่ทำตามแต่อารมณ์อย่างที่จุนฮยองชอบพูดเสม
อ
จุนฮยองนั่งนิ่งไม่พูดอะไรสักคำจนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทาง ตอนนี้ท้องฟ้ามืดลงแล้ว แถมยังอาการเย็นอีกต่างหาก จุนฮยองนึกโมโหตัวเองที่ไมได้หยิบเสื้อคลุมตัวหนาๆมาสักตัว
“หนาวเหรอ เอาของผมไปใส่สิ”เสื้อคลุมเนื้อนุ่มสีดำพาดลงบนไหล่กลิ่นน้ำหอมผสมกับกลิ่นบุหรี่ยังติดอยู่บนเ
นื้อผ้า
“สูบบุหรี่อีกแล้วเหรอ?”
“เอ่อ...นิดหน่อยเอง”
“อืม...อย่าสูบเยอะมันไม่ดี”
“เข้าไปข้างในกันเถอะ จองห้องไว้แล้ว”
หลังจากเช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดูจุนก็พาจุนฮยองมาทานมื้อค่ำที่ร้านอาหารของรีสอร์ท เนื่องจากวันนี้เป็นวันฉลองครบรอบปีที่สิบของรีสอร์ทที่นี่ลูกค้าทุกคนจึงได้รับบริก
ารเครื่องดื่มทั้งแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ฟรีไม่อั้น
จุนฮยองที่คร่ำเครียดกับงานมานานจึงเผลอดื่มไปหลายแก้วจนรู้สึกมึนๆจึงเอนตัวพิงไหล่
ของดูจุนเตรียมตัวดูดอกไม้ไฟที่กำลังจะถูกจุดขึ้นในไม่ช้า
“จุนฮยอง...”
“หืม...”
“อยู่กับผมแล้วมีความสุขมั้ย?”
“ถามทำไม?”มองหน้าถามแล้วก็หันกลับไปมองบนท้องฟ้าที่ตอนนี้มีลูกไฟหลากสีแตกกระจายเป็นรู
ปต่างๆอยู่บนนั้น
“อยากรู้”
“มีสิ...”
ไม่รู้ว่าตอนไหนที่ดูจุนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขนาดนี้ ริมฝีปากได้รูปใกล้เข้ามาทุกที จุนฮยองรู้ว่าจุดหมายปลายทางของมันอยู่ที่ใดแต่ก่อนที่จะแตะสัมผัสกันจุนฮยองก็ยกมือ
กั้นมันเอาไว้
“ตรงนี้คนเยอะ”
“ขอโทษ...”ดูจุนเอ่ยมันอย่างแผ่วเบา แต่หน่วงที่หัวใจ
“อืม..”
ดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้นเนิ่นนานก่อนจะจบลงด้วยชุดใหญ่ตระการตา ลูกค้าของทางรีสอร์ทค่อยๆทยอยกลับห้องเพื่อพักผ่อน จุนฮยองเกาะไหล่ดูจุนเดินเรื่อยไปตามทางอย่างมึนๆเพราแอลกอฮอล์หลายขนาดที่ตีกันอยู่
ในร่างกาย
x
x
x
x
“อาบน้ำก่อนเลย เผื่อจะรู้สึกดีขึ้น”ดูจุนดันหลังคนรักเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะปิดประตูตามให้ ไม่ถึงห้านาทีก็ได้ยินเสียงเรียกดังมาจากด้านใน
“หยิบแชมพูให้หน่อย อยู่ในกระเป๋าน่ะ”
ดูจุนเดินไปเปิดกระเป๋าของจุนฮยองที่วางอยู่ปลายเตียง ค้นเอาแชมพูที่เจ้าตัวสั่งออกมา
“ได้แล้ววางไว้หน้าห้องน้ำนะ”
“เข้ามาสิไม่ได้ล็อค”
ดูจุนเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ไอน้ำอุ่นกระจายไปทั้งห้องน้ำ ไอน้ำเกาะกระจกใสที่กั้นเป็นส่วนอาบน้ำเห็นภาพจุนฮยองเลือนรางอยู่ด้านหลัง มือที่ส่งขวดแขมพูให้ถูกกระชากเข้าไปในส่วนอาบน้ำ สายน้ำจากฝักบัวไหลรดตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า
“อะไรเนี่ย...”
“อาบน้ำด้วยกัน จะได้ไม่ต้องเสียเวลา ถอดเสื้อสิเปียกหมดแล้ว”
เสื้อยืดที่ใส่ถอดรั้งให้พ้นตัวลงไปกองอยู่กับพื้นห้องน้ำ ร่างโปร่งถูกรั้งเข้าไปในอ้อมกอดแม้จะมีสายน้ำไหลรินแต่กลับรู้สึกว่าผิวเนื้อที่ต้อ
งกันร้อนเหมือนไฟ
“ผมจะสระผมนะ”
“เดี๋ยวสระให้”ดูจุนบอกพร้อมกับบิดฝักบัว หยิบขวดแชมพูมาเทใส่มือขณะที่จุนฮยองยังอยู่ในอ้อมกอดไม่ได้ขยับไปไหน สองมือค่อยๆสอดเข้ากับกลุ่มผมขยี้เรือนผมสีเข้มจนเกิดฟอง ปลายจมูกเฉียดผิวแก้มที่เปียกชื้น ตามด้วยริมฝีปากที่แตะชิมกลีบปากนุ่มก่อนจะเปลี่ยนเป็นจูบลึกซึ้งจนเกิดเสียงทุกครั้
งที่ผละออกจากกัน
จุนฮยองปลดกางเกงขาสั้นของดูจุนลงไปกองกับพื้นอีกชิ้น เอื้อมมือไปหยิบสบู่เหลวแล้วบีบใส่มือถูจนเกิดฟองก่อนจะไล้ไปบนผิวเนื้อสีน้ำผึ้งของ
ร่างสูง
“คืนนี้เราจะอาบน้ำกันเสร็จมั้ย จุนฮยองอ่า...”ดูจุนกระซิบถามเสียงแหบพร่า ขณะที่มือยังทำหน้าที่คลึงเคล้าเส้นผมให้อีกคนอยู่
“เสร็จสิถ้าคุณอยู่นิ่งๆ”จุนฮยองกระตุกยิ้ม อาจเป็นเพราะแอลกอฮอล์ปริมาณสูงในร่างกายทำให้เขาใจกล้าทำอะไรแบบนี้
“มันนิ่งไม่ไหวหรอก หลับตาก่อนสิ จะล้างผมให้”
“ผมล้างเอง”จุนฮยองหันหลังให้แล้วเปิดฝักบัวอีกครั้งเพื่อล้างฟองออกจากผม แต่เหมือนว่ามันจะไม่ง่ายเลยเมื่อดูจุนยังตามมากอดเขาเอาไว้ ทั้งปากและมือไม่อยู่สุขระรานไปทั่ว
“ดูจุนอ่า...อาบน้ำก่อน”
“แล้วใครกันที่เรียกผมเข้ามาอาบด้วยเนี่ย ต้องการแบบนี้ไม่ใช่หรือไง”เสียงหัวเราะดังแผ่วข้างหู จุนฮยองรู้สึกว่าตัวร้อนขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ นอกจากปากที่ใช้วาจาทำให้เขาร้อนแล้วยังทำให้เขาแทบละลายด้วยการกระทำอีกด้วย
จุนฮยองจำเลือนรางเหลือเกินว่าออกจากห้องน้ำมาตอนไหน แต่ตอนนี้เขาอยู่ในอ้อมกอดของดูจุนที่มีเสียงหอบหายใจดังรวยรินอยู่ด้านหลัง
“ดูจุน...ทำไมถึงพามาที่นี่”
“หืม?”
“ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่”
“ก็พามาเปลี่ยนบรรยากาศ”
“ไม่ได้คิดจะมาบอกเลิกกันใช่มั้ย?”
เสียงสวบสาบของผ้าปูที่นอนดังขึ้นพร้อมกับที่ดูจุนดันตัวเองขึ้นพิงกับหัวเตียง จุนฮยองพลิกตัวกลับไปมองแล้วถามย้ำด้วยสายตาอีกครั้ง
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น”ดูจุนย้อนถามกลับไปด้วยความหวาดหวั่นลึกๆ
“แววตาตอนที่คุณชวนผมมันบอกแบบนั้น คำพูดของคุณอีกเหมือนคนจะบอกเลิกกัน”ทำไมเขาจะดูไม่ออก คิดว่าเขาไม่รู้จักยุนดูจุนหรือไง
“แล้วทำไมถึงยังยอมมาด้วยกันอีก”
“ก็เพราะถ้าไม่มา คุณคงเลิกกับผมตอนนั้นแน่ๆ”ดูจุนคงคิดว่าตัวเองเก็บความรู้สึกได้เก่ง แต่เปล่าเลยยิ่งเก็บเขาก็ยิ่งเห็นและต้นเหตุมันก็คงเป็นเพราะเขาเอง
ดูจุนนิ่งอีกคนรักด้วยสายตาที่ปวดร้าว
“ทำไมถึงคิดจะเลิกกัน”
“ไม่รู้สิ แต่มันเหมือนว่าเราจะไปกันไม่รอดเลย ผมอยากเลิกก่อนที่เราจะไม่เหลือความรู้สึกดีๆให้กันอีก”
“อืม...”
“ผมยังรักคุณนะ รักมากด้วย แต่ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วคุณไม่มีความสุข...”
“บอกไปแล้วไงว่ามีความสุขดี”จุนฮยองสวนขึ้นมา “ผมเป็นของผมแบบนี้ และผมก็รู้ดีว่าคุณรักผมในแบบที่ผมเป็น คิดว่าการกระทำมันเพียงพอให้คุณเข้าใจว่าผมรู้สึกยังไง ถ้าผมอึดอัดใจที่จะอยู่กับคุณก็คงเลิกไปนานแล้ว ที่ผมบ่นบ้างดุบ้างก็เพราะเป็นห่วง ทั้งนอนดึก สูบบุหรี่ร่างกายจะแย่เอานะ คนอยากจะให้นอนพักผ่อนแต่ก็ยังดื้อด้านจะทำอย่างอื่นอีก”อดเหน็บอีกฝ่ายไม่ได้
แต่คนฟังไม่สนใจเลยว่าจะถูกว่าอะไร หัวใจที่ห่อเหี่ยวของดูจุนค่อยๆชุ่มชื้นขึ้นมาเมื่อได้ยินคำว่าเป็นห่วงจากปากคนรัก
“แล้วที่คุณคิดว่าผมไม่ใส่ใจนั่นอีก ถ้าไม่ใส่ใจผมคงไม่จำหรอกว่าคุณถ่ายละครเรื่องอะไรอยู่ พระนางชื่ออะไร ไปถ่ายที่ไหนกลับเมื่อไหร่ แต่ที่ผมไม่โทรก็เพราะไม่อยากให้คุณเสียสมาธิแล้วไม่รู้ด้วยว่าคุณว่างตอนไหน ผมจำทุกอย่างเกี่ยวกับคุณได้ทั้งที่บ้างครั้งคุณไม่เคยบอกผมเลยด้วยซ้ำ ซึ่งผมคิดว่าคุณน่าจะรับรู้สิ่งที่ผมทำได้ แต่เหมือนว่าคุณจะไม่เข้าใจนะคุณผู้กำกับยุน”จุนฮยองเอ่ยยิ้มๆ
“เข้าใจว่าอะไรครับ คุณหมอยง”ดูจุนโน้มตัวลงไปหา
“เดาเองไม่ได้เหรอ?”จุนฮยองกระตุกยิ้ม
“ไม่อยากเดา จุนฮยองอ่า”ดูจุนไม่คิดจะเก็บรอยยิ้มเลย จุนฮยองพูดออกมายืดยาวขนาดนั้นไม่เข้าใจก็บ้าแล้ว แต่เขาอยากได้ยินจากปาก “สำหรับผมแล้วคำพูดกับการกระทำมันต้องไปด้วยกันนะ”
“ก้มลงมาอีกสิ”จุนฮยองกระดิกนิ้วเรียก ดูจุนทำตามอย่างว่าง่ายก่อนที่ใบหน้าจะค่อยๆเปลี่ยนสี เมื่อริมฝีปากนุ่มสัมผัสที่ข้างแก้มพร้อมกับถ้อยคำที่อยากฟังมานาน “รัก”
ดูจุนซุกหน้ากับหมอนซ่อนใบหน้าของตัวเองเอาไว้ จุนฮยองอดหมั่นไส้ไม่ได้ต่อยแขนเปล่าเปลือยไปสองสามที
“ทำตัวเป็นเด็กไปได้ เขินอะไรขนาดนั้น ผมต้องเป็นฝ่ายเขินไม่ใช่หรือไง?”
“จุนฮยองอ่า ไม่มาเป็นผมไม่รู้หรอก”ดูจุนเกาะเอวเอาหน้าซุกกับหน้าท้องอีกคนเอาไว้ เขาดีใจมากและมีความสุขมากจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
“แล้วนี่จะนอนได้ยัง? ผมง่วงแล้วนะ”
“ทำตัวน่ารักแบบนี้...ไม่ต้องนอนจนเช้าเลยดีมั้ย”ดูจุนยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ก็ลองดูสิ ถ้าไม่กลัวผมโกรธน่ะ”จุนฮยองขู่ด้วยสายตา ใครจะไปมีแรงทำเรื่องแบบนั้นได้ยันเช้ากัน เกินมนุษย์ไปแล้ว!
“จุนฮยองอ่าอย่าใจร้ายนักสิ ถือว่าเป็นโบนัสนะ ไม่ได้กอดตั้งนานแล้ว”
จุนฮยองส่ายหน้าระอาใจ ก็เพิ่งกอดเขาไปหยกๆไม่ใช่หรือไง“ไม่ ผมจะนอนแล้ว ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ แถมยังถูกลากมานี่อีก นอนเถอะพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
จุนฮยองพลิกตัวหันหลังให้ดึงมาผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงคอไม่สนใจเสียงออดอ้อนจากด้านหล
ัง
“จุนฮยองอ่า...ผมปล้ำจริงๆนะ”
“ไหนว่าการกระทำมันต้องไปพร้อมกับคำพูดไง เอาแต่พูดอยู่ได้...”
x
x
x
x
END
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น